โรคอ้วน” เป็นปัญหาใหญ่ที่ถ้าปล่อยไว้ จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา ได้แก่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะหลับ โรคข้อเสื่อม และมะเร็งบางชนิด การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วนสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหล่านี้ได้การผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และค่าเฉลี่ยในหลายประเทศมีผู้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดกระเพาะเพิ่มขึ้นทุกปี และมีกว่า 2.5 แสนเคส
ที่รัตตินันท์ เรามีหัตถการลดน้ำหนักหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมตั้งแต่การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบผ่านกล้อง เช่น Gastric Sleeve, Gastric Bypass (Roux-en-Y) และ Sleeve Plus (Mini Gastric Bypass) ไปจนถึงหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น OverStitch (Endoscopic Sleeve Gastroplasty) และ Gastric Balloon ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตลอดกระบวนการ
สำหรับผู้ที่มี BMI มากกว่า 35 หรือมีโรคประจำตัวร่วม เช่น เบาหวานหรือไขมันในเลือดสูง การผ่าตัดแบบ Gastric Sleeve หรือ Bypass จะช่วยจำกัดปริมาณอาหารและลดการดูดซึม โดยให้ผลลัพธ์น้ำหนักลดได้ถึง 35–50% ของน้ำหนักตัว เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลชัดเจนและยั่งยืน ในขณะที่ Sleeve Plus เหมาะกับผู้ที่อ้วนระดับวิกฤต ให้ผลลดน้ำหนักสูงสุดและช่วยควบคุมโรคเรื้อรังได้ดีเยี่ยม
หากคุณยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด เรายังมีหัตถการทางเลือก เช่น OverStitch ที่ใช้กล้องส่องเย็บกระเพาะให้เล็กลงโดยไม่ต้องมีแผล และ Gastric Balloon ที่ใส่บอลลูนเติมน้ำเกลือในกระเพาะเพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มไว เหมาะกับผู้ที่มี BMI ระหว่าง 27–35 และอยากเริ่มต้นการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและค่อยเป็นค่อยไป ผลลัพธ์โดยเฉลี่ยลดน้ำหนักได้ 12–25%
ในด้านการฟื้นตัว การผ่าตัดแบบ Sleeve และ Bypass ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 5 วัน และกลับไปทำงานได้ภายใน 1–3 สัปดาห์ ขณะที่หัตถการไม่ผ่าตัดเช่น OverStitch และ Balloon ใช้เวลาในการทำเพียง 20 นาทีถึง 1.5 ชั่วโมง และสามารถกลับบ้านหรือทำงานได้ภายใน 1–2 วัน โดยทั้งหมดต้องมีการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดในช่วง 4 สัปดาห์แรก
ทุกหัตถการมีความปลอดภัย ได้รับการดูแลจากทีมแพทย์และนักโภชนาการ พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1–2 ปี โดยมีตัวเลือกแพ็กเกจราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 160,000 บาท (Gastric Balloon) ไปจนถึง 550,000 บาท สำหรับ Bypass ซึ่งเรามีโปรโมชั่นพิเศษและแผนการผ่อนชำระสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างมั่นใจ
เพราะเราดูแลมากกว่าการผ่าตัด ที่รัตตินันท์ เราเข้าใจดีว่า “การลดน้ำหนัก” ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับความรู้สึก ความมั่นใจ และชีวิตโดยรวมของคุณ เราจึงออกแบบการดูแลที่ครอบคลุมทุกมิติ — ทั้งร่างกายและจิตใจ
เป็นเทคนิคการผ่าตัดรูปแบบใหม่ เริ่มได้รับความนิยมในต่างประเทศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่ผสมผสานระหว่างการตัดกระเพาะแบบ Sleeve ร่วมกับ Bypass ที่ตัดต่อลำไส้เล็กเพื่อลดการดูดซึมของอาหาร และตัดกระเพาะบางส่วนให้มีขนาดเล็กลงเหลือ 15-20%
รวมถึง ปรับลดฮอร์โมนความอยากอาหาร (Ghrelin) ทำให้ทานได้น้อยลง ร่วมกับการทำทางเชื่อมลำไส้เล็กใหม่เพื่อลดการดูดซึมอาหาร และร่างกายปล่อยฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น
วิธีผ่าตัดกระเพาะมาตรฐานและลดน้ำหนักได้มากที่สุด ห็นผลลัพธ์มากกว่า! โดยการส่องกล้องผ่าตัดกระเพาะออก 75-80% เหมือนกับวิธีสลีฟ แต่จะมีความซับซ้อนกว่า
เพราะจะมีการตัดต่อลำไส้เชื่อมปลายหลอดอาหารเพิ่มเติมด้วย ซึ่งวิธีนี้จะต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางสูง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้
หนึ่งในวิธีผ่าตัดกระเพาะมาตรฐาน ได้รับการรับรองจากสถาบันทางการแพทย์หลายแห่งทั่วโลก โดยเป็นการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง ตัดกระเพาะบางส่วนให้มีขนาดเล็กลงคล้ายกล้วย 1 ลูก
ข้อดีคือ ฮอร์โมนควบคุมความหิวลดลง เห็นผลกว่าการใส่บอลลูน และใช้ห่วงรัดกระเพาะ, ร่างกายปรับรูปแบบการรับประทานอย่างเป็นธรรมชาติ ทานได้น้อยลง ไม่ฝืนร่างกาย แต่ก็มีข้อเสียบางอย่าง เช่น ไม่สามารถทำกับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปรับขนาดกระเพาะด้วยการใส่ห่วงมาก่อน
เป็นการลดน้ำหนักทางการแพทย์เทคนิคใหม่! ด้วยการส่องกล้องทางปาก เย็บกระเพาะให้มีขนาดเล็กลง โดยไม่ต้องตัด ไม่มีแผลหน้าท้อง พักฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย น้ำหนักลดลงได้มากกว่าการใส่บอลลูน
การใส่บอลลูน เข้าไปในกระเพาะ ถึงแม้จะไม่ใช่การผ่าตัดโดยตรง แต่เราก็จัดไว้ในหมวดนี้ แต่บอลลูนใส่ไปแค่ 12 เดือน ก็ต้องเอาออก จึงเหมาะกับคนที่หนักไม่มาก หลังเอาบอลลูนออกก็มักมีน้ำหนักขึ้น
เทคนิค Triple Lock คือ การใช้ไหมละลายที่มีความแข็งแรงมาก ลักษณะคล้ายเส้นลวดช่วยเย็บให้รอยต่อแน่นหนามากขึ้น โดยทำการม้วนให้ขอบริมของรอยตัดพับทบเข้ามาแล้วเย็บซ้ำอีกที แถมยังมีการใช้กาวชีวภาพที่ป้ายเพื่อให้แผลติดกันมาเสริมความแข็งแรงให้กับเทคนิคนี้อีกชั้นหนึ่ง
ความพิเศษของ เทคนิค Triple Lock คือ
ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
วุฒิบัตร
การศึกษาหลังปริญญา
แขนงที่สนใจเป็นพิเศษ
ศัลยแพทย์
ศัลยแพทย์
แพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม
วิสัญญีแพทย์
และวิสัญญีแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท
วิสัญญีแพทย์
ผู้ที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 หรือ มากกว่า 30 ร่วมกับโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันพอกตับ จะเหมาะกับการผ่าตัดลดน้ำหนักมากที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
หาก BMI ยังไม่ถึงเกณฑ์ อาจพิจารณาวิธีอื่น เช่น ปรับพฤติกรรมการกิน หรือใช้ยาควบคุมความอยากอาหารร่วมกับนักโภชนาการ
การผ่าตัดมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป เช่น เลือดออก ติดเชื้อ หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ที่รัตตินันท์คลินิกใช้เทคนิค Laparoscopic Surgery (ผ่าตัดผ่านกล้อง) ซึ่งแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก
ต้องดมยาสลบไหม?
ต้องดมยาสลบโดยทีมวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง ดูแลตลอดกระบวนการเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
โดยเฉลี่ย น้ำหนักจะลดลงประมาณ 5–10 กิโลกรัมในเดือนแรก และลดได้มากขึ้นในช่วง 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทการผ่าตัดและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
จำเป็นต้องควบคุมอาหารหลังผ่าตัดไหม?
จำเป็นมาก การควบคุมอาหารและการติดตามผลกับทีมโภชนาการของคลินิกจะช่วยให้ผลลัพธ์ยั่งยืน และลดโอกาสเกิดโยโย่เอฟเฟกต์
ถ้าปรับพฤติกรรมการกินและดูแลสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์ โอกาสกลับมาอ้วนจะน้อยมาก แต่ถ้าย้อนกลับไปกินผิดวิธี หรือไม่ดูแลฮอร์โมน ก็อาจทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ได้
จำเป็นต้องกินวิตามินเสริมหรือไม่?
ต้องรับประทานวิตามินรวม เช่น วิตามิน B, D, ธาตุเหล็ก และแคลเซียม เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหารในระยะยาว
ทุกวิธีใช้เทคนิคผ่าตัดผ่านกล้อง เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ทีมแพทย์จะประเมินความเหมาะสมแบบรายบุคคล
หลังจากผ่าตัดกระเพาะ สามารถมาติดตามผลและเข้ารับการดูแลต่อเนื่องที่รัตตินันท์คลินิกได้ โดยเรามีทีมแพทย์และนักโภชนาการคอยดูแลแบบครบวงจร
บริการ After Care ของเราให้การดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 12 เดือน
ที่รัตตินันท์คลินิก เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตัวคุณ
ทำไมนัดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกับ Rattinan Clinic?